03 พฤษภาคม 2551

คนไทยกับมารยาทแย่ๆ ในสังคมที่กลายเป็นเรื่องธรรมดา

วันนี้พาลูกๆ มาอ่านหนังสือที่ TK Park ห้องสมุึดคนชั้นกลางใจกลางกรุงเทพฯ ทำให้รู้สึกสะท้อนใจปนกับความละอายในความเป็นไทยของตนเอง เนื่องจากเห็นอะไรที่ขัดหูขัดตา แถมคนที่ทำให้ขัดหูขัดตาไม่ใช่คนไร้การศึกษาเลย แต่กลับเป็นนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งนักธุรกิจที่ต่างมีกาีรศึกษาดีๆ ระดับมหาวิทยาลัย

สิงที่ทำให้ขัดหูขัดตาของผมอาจดูเป็นเรื่องธรรมดาๆ ของหลายๆ คน นั่นก็คือ มารยาทการใช้สถานที่ต่างๆ ซึ่งในที่นี้ผมหมายถึงห้องสมุด หากใครเคยไปอ่านหนังสือที่ TK Park จะเห็นว่าเขาแบ้งสัดส่วนห้องต่างๆ ไว้ดีมาก มีทั้งห้องเด็กเ็ล็ก ห้องสมุดทางดนตรี ห้องสัมมนา ลานกิจกรรม และส้่วนของที่ทานอาหารว่่างและเครื่องดื่ม ใครที่อ่านหนังสือมากๆ แล้วรู้สึกกระหายหรือหิว ก็สามารถเดินไปใช้บริการได้

ส่วนบริการอาหารว่างและเครื่องดื่มนี้จะุถูกกั้นเป็นสัดส่วน แม้ไม่ได้กั้นเป็นห้องออกมาต่างหาก แต่ก็มีแผงกระจกกั้นระดับเอว เรียกว่า ให้กรรมการหรือชาวบ้านมาเห็น ก็ต้องรู้ว่า มันเป็นสัดส่วนต่างหากแน่นอน

และที่ทำให้ผมหงุดหงิดมาก็คือ ภายในส่วนบริการอาหารว่างและเครื่องดื่มนี้ จะมีโต๊ะไว้ให้บริการด้วย ซึ่งแน่นอนต้องเอาไว้ทานอาหารหรือเครื่องดื่ม แต่สิ่งที่ผมเห็นกลับเป็นผู้คนมากมาย ทั้งระดับคนทำงานและนักเรียน นักศึกษา ต่างเอาหนังสือเข้าไปอ่านกันหน้าตาเฉย โดยที่บนโต๊ะไม่ได้มีอาหารหรือเครื่องดื่มตั้งอยู่เลย ทั้งๆ ที่ด้่านนอกก็ัยังมีโต๊ะและเก้าอี้เหลืออยู่มากมาย คือเข้าไปอ่่านหนังสืออย่างเดียวล้วนๆ ไปใ้ช้โต๊ะ ใช้เก้าอี้ของคนที่ควรใช้สำหรับทานอาหารและเครื่องดื่ม โดยเขาเหล่านั้น ไม่ส่ามารุถนำอาหารหรือเครื่องดื่มออกมากินหรือดื่มในส่วนที่เป็นห้องสมุึดได้ แบบว่าเรียกว่าอะไรดี เห็นแก่ตัว ? มักง่าย ? หรือจะเีรียกว่า มารยาททรามดี ? หากมีแค่เพียง 1-2 โต๊ะก็พอทำเนา แต่นี่เกือบทุกโต๊ะมีสภาพเดียวกันหมดเลย กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปได้อย่างไร

เพิ่งจะหงุดหงิดกับคนเข้าไปอ่านหนังสือในส่วนที่ไม่ีควรเข้่าไปอ่านยังไม่พอ มองไปมองมา เห็นผู้ชายคนหนึ่ง อายุน่าจะยังอยู่ในวัยศึกษา เอาแก้วน้ำมาวางไว้ที่โต๊ะเล็กๆ ข้างตัวในส่วนที่เป็นห้องสมุด ในใจก็คิดว่า หนุ่มคนนี้ก็แย่ไม่แพ้กันเลย แต้่คิดอีกที หรือเขาซื้อน้ำเสร็จแล้ว ไท้่ส่่ามารถหาทั่นั่งข้างในได้ ก็เลยถือน้ำออกมาดื่มข้างนอก กลายเป็นปัญหา ไก่หรือไข่เกิดก่อนกันไปเลย -_-"

เชื่อได้เลยว่า คนอย่างนายโชติศักดิ์มีอยู่เต็มบ้่านเต็มเมืองไปหมด เพียงแต่การกระทำแ่ย่ๆ บางอย่าง คนในสังคมทั้งหมดกลับเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปเท่านั้นเอง ...

02 พฤษภาคม 2551

วันเกิดของเจ้าตัวเล็ก

วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นวันครบรอบวันเกิด 7 ปีของเจ้าตัวเล็ก น้องวิว หรือที่คนทั้งบ้านเรียกว่า น้องเหน่ง โดยน้องเหน่งเริ่มกิจกรรมวันเกิดด้วยการตื่นแต่เช้ามาใส่บาตรกับแม่ตาม ธรรมเนียมคนไทย ส่วนผมก็นอนหลับไม่รู้เรื่องหรอก จริงๆ ก็รู้นะว่าพวกเขาจะใส่บาตรกัน แต่เมื่อคืนดันคีึก ทำโน่นทำนี่ดึกไปหน่อย กว่าจะนอนก็ตีสองกว่า เลยไม่อยากตื่นเช้า

พอสายๆ คนทั้งบ้านก็ต้องไปไหว้อากงที่บ้านอาซิ่ม (อาเจ็กตายไปแล้ว) และนี่ก็เป็นการไปบ้านนี้ครั้งแรกของผม เนื่องจากเขาเพิ่งย้ายบ้านไปไม่นาน กว่าจะไปถึงก็มีขับหลงไปนิดหน่อยทั้งๆ ที่ในรถก็มีทั้งพี่ชายและพ่อที่เคยมาบ้านนี้แล้ว แต่ก็เบลอๆ จำกันไม่ค่อยได้กันหมด

ไปไหว้อากงเสร็จ คนที่บ้านก็มีเมาท์กันต่อสักพัก กว่าจะออกมาได้ก็เที่ยงพอดี แม่ของน้องเหน่งก็รับปากเขาไว้แล้วว่าจะพาไปกินพิซซ่า เลยรีบขับรถพาครอบครัวกลับเข้าเมือง ขึ้นทางด่่วนไปลงถนนสาธุประดิษฐ์ แล้วเลี้ยวเข้าห้างเซนทรัลสาขาพระรามสาม ใช้เวลาแปีปเดียวไม่เกินครึ่งชั่วโมงถึง

กินพิซซ่ากันสองถาดกลางกับ ของว่างและสลัด อิ่มอืดออกมากันทุกคน วันนี้มีน้องสาวมากินด้วย กินกันหกคนเลยสั่งอะไรๆ มากินได้เยอะ กินกันจนหายอยาก จากนั้นก็พาเจ้าตัวเล็กหรือน้องเหน่งไปเลือกซื้อของเล่นในแผนกของเล่น เดินเลือกกันอยู่นาน น้องเหน่งเลือกได้ตุ๊กตาปลาทะเลหลายตัวในแพ็ค ราคาก็แค่ 170 บาท แม่เขารีบโอเคซื้อให้เลย กลัวเดี๋ยวไปเลือกหาเอาของเล่นราคาโหดๆ แต่ก่อนออกจากแผนกของเล่น ดันไปเจอ Robo Dinosaur ซึ่งเป็นตุ๊กตาไดโนเสาร์ตัวใหญ่มาก มีตัวควบคุมบังคับผ่านสายอากาศ ราคาปาไป 6200 บาท อ้อนจะเอากันใหญ่ ต้องรีบเดินหนีกันเหนื่อยเลย

ออกจากแผนกของเล่นก็ไปเดิน B2S ต่ออีกนิดหน่อย น้องเหน่งได้สมุกสติ๊กเกอร์การ์ตูน Dragon Ball มาอีกเล่ม ส่วนพี่ชายของเขา พี่เคน อาจซื้อการ์ตูนอีกเล่ม แต่สภาพหนังสือเยินเกินไป เลยลงไปเดินหาเล่มใหม่ๆ ในร้าน SE-ED แต่ก็ไม่มี เลยได้หนังสือการ์ตูน "นาค" มาแทน ก่อนกลับก็มีไปซื้อน้ำ Icy ดูดกันคนละถ้วย

ไอ้เราก็ เริ่มเหนื่อยละ กะว่าจะได้กลับบ้านไปนอนแผ่ซะที ตอนขับรถกลับ ผบ. ก็ให้แวะตลาดสามย่านไปซื้อขนมเค้กร้านต้นกกอีก ต้องขับรถวนหาอยู่นิดหน่อย ซื้อเสร็จก็ได้กลับบ้านเสียที

มาถึงบ้านก็มีญาติๆ มาเต็มบ้านเลย มารอกินเลี้ยงฉลองวันเกิดเจ้าตัวเล็กนี่แหละ จริงๆ ลูกสาวคนโตของพี่เขยก็มาร่วมฉลองวันเกิดของเขาด้วย เพราะเกิดวันที่ 2 พฤษภาคม ไม่งั้นคงเลี้ยงกันแค่คนในครอบครัวไม่กี่คน งานเลี้ยงก็ง่ายๆ คือทำกับข้าวกินกันเอง แต่อาหารจะพิเศษกว่าปกตินิดหน่อย มีซื้อหมูสะเต๊ะมากินด้วย

กินเสร็จก็ถึงคราวเป่าเทียนขนมเค้กวันเกิด ก็ร้องเพลง Happy Birthday ไปกัน 3 รอบ น้องเหน่งกำลังจะเป่่าเค้ก พี่เขยดันมาปิดปากไม่ให้เป่า แถมโดนพี่ๆ แกล้งเป่าไปหมด น้องเหน่งเลยทำทีว่าจะร้องไห้เพราะน้อยใจ ก็เลยต้องเริ่มกระบวนการกันใหม่ คือร้องเพลงกันอีกรอบแล้วให้น้องเหน่งเป่าอีกที

หลังจากเป่าเค้ก น้องเหน่งและพี่หวาน (ร่วมวันเกิด) ก็แบ่งและยกขนมเค้กให้ผู้ใหญ่พร้อมรับคำอวยพรและซองอั่งเปา น้องเหน่งก็ได้ไปหลายซอง น่าจะได้เกินหนึ่งพันบาท (รวยจริงๆ ตัวแค่นี้เอง) แถมได้ของเล่นจากผู้ใหญ่อีกหลายชิ้น ทำเอาอารมณ์ดีไปเลย วันนี้น้องเหน่งดูมีความสุขมากเลย ร้องรำทำเพลง ทำท่าทางตลกๆ ให้หลายๆ คนดูกัน ถือเป็นตัวขำๆ ประจำบ้านเลย

เล่นเอาหมดแรงไปเลยสำหรับวันนี้ อีกประมาณหนึ่งเดือน ก็ต้องเจอวันเกิดของพี่รองเจ้าตัวเล็กอีก กินเลี้ยงกันอีก กินเค้กกันอีก แล้วจะมีโอกาสผอมกันมั๊ยเนี่ย คนบ้่านนี้ ....